เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องมีบุตรยาก: สัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม

รู้จังหวะที่เหมาะสมในการปรึกษาแพทย์เรื่องมีบุตรยาก เพื่อไขข้อข้องใจและวางแผนการตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องเดาใจธรรมชาติอีกต่อไป มาดูกันว่าเมื่อไหร่ที่คุณควรก้าวแรกสู่การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

ask me คุย กับ AI

by9tum.com

ฟังทางนี้ให้ดีๆ นะคะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ (หรือมือเกือบใหม่) ที่กำลังพยายามสร้างสมาชิกตัวน้อยๆ กฎพื้นฐานที่แพทย์ส่วนใหญ่ใช้กันก็คือ ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอ (หมายถึงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แบบไม่ได้นับวันไข่ หรือปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ) โดยที่ไม่ได้คุมกำเนิด แล้วผ่านไป 12 เดือนแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ ก็ถือว่ามีภาวะมีบุตรยากแล้วค่ะ "อ้าว! แค่ 12 เดือนเองเหรอ?" ใช่ค่ะ แค่ 12 เดือน ถ้าคุณอายุยังไม่ถึง 35 ปีนะ แต่ถ้าคุณอายุ 35 ปีขึ้นไป กฎนี้จะลดลงเหลือ 6 เดือนทันที! ใช่แล้วค่ะ เวลาจะเร็วกว่าเดิมเป็นสองเท่า! เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าคุณภาพและปริมาณไข่ของผู้หญิงจะลดลงอย่างรวดเร็วตามอายุไงล่ะ ไม่ต้องมาทำหน้าตกใจ หรือโวยวายว่าทำไมไม่บอกกันดีๆ โลกนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ เป็นธรรมชาติที่โหดร้ายนิดๆ แต่ก็ต้องยอมรับมันนะ Listen up, new (or almost new) parents who are trying to create a little family member. The basic rule most doctors follow is this: if you're having regular intercourse (meaning 2-3 times a week, without tracking ovulation or just letting nature take its course), without using contraception, and 12 months have passed without conception, it's considered infertility. "Wait! Just 12 months?" Yes, just 12 months, if you're under 35 years old. But if you're 35 or older, this rule immediately shortens to 6 months! That's right, time is twice as fast! Why? Because the quality and quantity of a woman's eggs decline rapidly with age. Don't make a shocked face or complain that no one told you. The world is like this, a bit cruel nature, but you have to accept it.



As mentioned, age is a very important factor in conception, especially for women. After the age of 35, the body begins to show signs of changes in the reproductive system. Egg production decreases, and egg quality may not be as good as before, thus reducing the chances of conception. It's the same for men; although men produce sperm throughout their lives, sperm quality and quantity can also decline with age. Therefore, if you or your partner are 35 or older and have been trying to conceive for 6 months without success, you should consult a doctor immediately. Don't let time pass in vain, because every month that passes is a reduced opportunity and may lead to more complex and costly treatments. Don't let the phrase "too old" become an obstacle to having your child. อย่างที่เกริ่นไปแล้ว อายุเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ สำหรับการมีบุตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มมีสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบสืบพันธุ์ การผลิตไข่จะลดน้อยลง คุณภาพไข่ก็อาจจะไม่ดีเท่าเดิม โอกาสในการตั้งครรภ์จึงลดลงตามไปด้วย ผู้ชายเองก็เช่นกัน แม้ว่าผู้ชายจะผลิตอสุจิได้ตลอดชีวิต แต่คุณภาพและปริมาณอสุจิก็อาจลดลงตามอายุได้เช่นกัน ดังนั้น หากคุณหรือคู่ของคุณมีอายุ 35 ปีขึ้นไป และพยายามมีบุตรมาแล้ว 6 เดือนโดยยังไม่สำเร็จ ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที อย่ารอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะทุกๆ เดือนที่ผ่านไปคือโอกาสที่ลดลง และอาจนำไปสู่การรักษาที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นได้ อย่าให้คำว่า "แก่เกินไป" มาเป็นอุปสรรคในการมีลูกของคุณ




Table of Contents

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องมีบุตรยาก: สัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม

โอ้โห... มาถึงขั้นนี้แล้วเหรอคะ? แสดงว่าพยายามกันมาสักพักใหญ่ๆ แล้วสินะ หรือไม่ก็กำลังกังวลจนเก็บไปฝันร้ายแล้วก็ได้ ยินดีด้วยค่ะที่คุณกำลังจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งการ "วางแผนครอบครัว" แบบจริงจัง ไม่ใช่แค่การปั๊มลูกแบบไร้ทิศทางอีกต่อไป การมีบุตรยากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเสมอไปหรอกนะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ แล้วหวังว่าปาฏิหาริย์จะมาเคาะประตูบ้านหรอกนะ ยิ่งช้า ยิ่งเสียโอกาส ยิ่งเสียเงิน (อันนี้สำคัญ!) และที่สำคัญ ยิ่งเสียสุขภาพจิต! เพราะฉะนั้น การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะอุ้มท้อง (หรืออุ้มใครสักคน) ไปปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ ก็เหมือนมีแผนที่นำทางไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ไงล่ะ อย่าทำตัวเป็นคนหัวดื้อที่ไม่ยอมรับความจริง แล้วมานั่งเสียใจทีหลังว่า "รู้งี้ไปหาหมอตั้งนานแล้ว!" มาดูกันดีกว่าว่าสัญญาณเตือนอะไรบ้างที่บอกว่า "ถึงเวลาที่คุณควรจะไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องมีบุตรยากแล้วนะ!" บางทีการมีบุตรยากอาจไม่ใช่แค่เรื่องของเวลา หรืออายุ แต่มันอาจมาจากปัญหาสุขภาพที่คุณอาจมองข้ามไป หรือไม่เคยรู้ตัวมาก่อนก็ได้นะ ถ้าคุณมีประวัติของโรคบางอย่างที่ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ เช่น โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ (เช่น ไทรอยด์, ต่อมใต้สมอง), โรคเกี่ยวกับมดลูกและรังไข่ (เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, เนื้องอกมดลูก, ถุงน้ำรังไข่), โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจส่งผลต่อท่อนำไข่หรืออัณฑะ, หรือแม้แต่การเคยผ่าตัดในช่องท้องหรืออุ้งเชิงกราน ก็อาจทำให้เกิดพังผืดหรือการอุดตันในระบบสืบพันธุ์ได้เช่นกัน หรือถ้าคุณเคยมีประวัติการฉายรังสี หรือการรักษาด้วยเคมีบำบัด ก็อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตเซลล์สืบพันธุ์ได้เช่นกัน ในกรณีเหล่านี้ ไม่ต้องรอให้ครบ 12 หรือ 6 เดือนหรอกนะ ควรจะปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เริ่มคิดจะมีบุตรเลยจะดีที่สุด เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้สุขภาพแย่ๆ มาขัดขวางความสุขในการมีลูกของคุณ!
catalog
etc


Gunmetal_Gray_moden